โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่ผู้หญิงเรารู้จักกันเป็นอย่างดี และเกิดขึ้นได้เฉพาะในผู้หญิงเท่านั้น มะเร็งปากมดลูก เกิดจากการได้รับเชื้อ HPV ซึ่งคนโดยทั่วไปจะสามารถหายเองได้ แต่จะมีเพียง 10% เท่านั้น ที่เชื้อนี้สามารถเข้าไปสร้างความผิดปกติให้เยื่อบุปากมดลูก ทำให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งกว่าที่จะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง จะใช้เวลาราว 10-15 ปี
แม้ว่าจะมีเพียง 10% เท่านั้น แต่มะเร็งปากมดลูก ก็เป็นมะเร็งอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้หญิงไทยเลยทีเดียว
ผู้ที่เสี่ยงต่อมะเร็งปากมดลูก
- การมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุน้อย
- การมีคู่นอนหลายคน
- การตั้งครรภ์ หรือมีลูกหลายคน
- มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเชื้อไวรัสหูด (HPV)
- การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานานๆ
- การสูบบุหรี่
- สตรีที่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่อาจจะไม่รักษาความสะอาดมากนัก
- ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- พันธุกรรม มีส่วนอยู่บ้าง
- การขาดสารอาหารบางชนิด
อาการต้องสงสัย
แม้ว่าส่วนใหญ่มะเร็งปากมดลูกจะพบในผู้ที่มีอายุ 45-55 ปี แต่ก็อาจเกิดกับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่านี้ได้เช่นกัน หากมีอาการดังนี้ จึงควรไปพบแพทย์ทันที
- ตกขาวสีเหลือง มีกลิ่น ปนเลือด
- เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
- ปวดท้องน้อย
- ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเป็นเลือด
- เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- ขาบวม
แม้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูก จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้หญิงเราก็สามารถป้องกันตนเองเพื่อลดความเสี่ยงได้ด้วยการฉีดวัคซีน งดสูบบุหรี่ ทานผักผลไม้มากขึ้น ตรวจคัดกรองมะเร็งทุกปี ที่สำคัญ ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงเปลี่ยนคู่นอนหลายคน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากที่สุด
ในแต่ละวัน เราต้องเผชิญกับหลายสิ่งที่เข้ามากระทบ ด้านร่างกายไม่เท่าไร พักผ่อนสักหน่อยก็คงหาย แต่ด้านจ
ในกิจวัตรประจำวันของบรรดาสาวๆ ที่ต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานวันละ 7-8 ชั่วโมง หรือเป็นสา
ผู้หญิงสมัยนี้ต่างจากสมัยก่อน ที่จะเป็นแม่บ้านแม่เรือน และคอยเป็นช้างเท้าหลังที่
การปวดศีรษะนั้น เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่อาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุด คือการปวด
